วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Router อะไรคือ

Router อะไรคือ
1. Router คืออะไรความหมายของ Router อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายหลายระบบเข้าด้วยกัน คล้ายกับบริดจ์ แต่มีส่วนการ ทำงานที่ซับซ้อนมากกว่าบริดจ์มากโดยเราท์เตอร์จะมีเส้นทางการเชื่อมโยงระหว่าง แต่ละเครือข่ายเก็บไว้เป็นตารางเส้นทาง เรียกว่า Routing Table ทำให้เราท์เตอร์สามารถทำหน้าที่จัดหาเส้นทาง และเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการเดินทาง เพื่อการติดต่อระหว่างเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
2. อธิบายการทำงานของ Routerการทำงานของ RouterRouter หน้าที่หลักของคือ การอ้างอิงไอพีแอดเดรสระหว่างเครื่องลูกข่ายที่อยู่กันคนละเครือข่าย รวมที่ทั้งการเลือกและจัดเส้นทางที่ดีที่สุด เพื่อนำข้อมูลข่าวสาร ในรูปแบบของแพ็กเกจจากเครื่องลูกข่ายต้นทางบนเครือข่ายที่ตนดูแลอยู่ไปยังเครื่องลูกข่ายที่อยู่กันคนละเครือข่ายหน้าที่ของเราเตอร์คือ จัดแบ่งเครือข่ายและเลือกเส้นทางที่เหมาะสมเพื่อนำส่งแพ็กเก็ต เราเตอร์จะป้องกันการบรอดคาสต์แพ็กเก็ตจากเครือข่ายหนึ่งไม่ให้ข้ามมายังอีกเครือข่ายหนึ่ง เมื่อเราเตอร์รับข้อมูลเป็นแพ็กเก็ตเข้ามาตรวจสอบแอดเดรสปลายทางแล้ว จากนั้นนำมาเปรียบเทียบกับตารางเส้นทางที่ได้รับการโปรแกรมไว้ เพื่อหาเส้นทางที่ส่งต่อ หากเส้นทาง ที่ส่งมาจากอีเทอร์เน็ต และส่งต่อออกช่องทางของ Port WAN ที่เป็นแบบจุดไปจุดก็จะมีการปรับปรุงรูปแบบสัญญาณให้เข้ากับมาตรฐานใหม่ เพื่อส่งไปยังเครือข่าย WAN ได้
3. Routing Protocol คืออะไรRouting Protocol : โปรโตคอลเลือกเส้นทางRouting Protocol คือโพรโทคอลที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน routing table ระหว่างอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆที่ทำงานในระดับ Network Layer (Layer 3) เช่น Router เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งข้อมูล (IP packet) ไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทางได้อย่างถูกต้อง โดยที่ผู้ดูแลเครือข่ายไม่ต้องแก้ไขข้อมูล routing table ของอุปกรณ์ต่างๆตลอดเวลา เรียกว่าการทำงานของ Routing Protocol ทำให้เกิดการใช้งาน dynamic routing ต่อระบบเครือข่าย

4
. อธิบายการเลือกเส้นทางแบบ static และ dynamic การเลือกเส้นทางแบบ Static Routeการเลือกเส้นทางแบบ Static นี้ การกำหนดเส้นทางการคำนวณเส้นทางทั้งหมด กระทำโดยผู้บริหารจัดการเครือข่าย ค่าที่ถูกป้อนเข้าไปในตารางเลือกเส้นทางนี้มีค่าที่ตายตัว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใดๆ บนเครือข่าย จะต้องให้ผู้บริหารจัดการดูแล เครือข่าย เข้ามาจัดการทั้งสิ้นอย่างไรก็ดีการใช้ วิธีการทาง Static เช่นนี้ มีประโยชน์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมดังนี้- เหมาะสาหรับเครือข่ายที่มีขนาดเล็ก- เพื่อผลแห่งการรักษาความปลอดภัยข้อมูล เนื่องจากสามารถแน่ใจว่า ข้อมูลข่าวสารจะต้องวิ่งไปบนเส้นทางที่กำหนดไว้ให้ ตายตัว- ไม่ต้องใช้ Software เลือกเส้นทางใดๆทั้งสิ้น- ช่วยประหยัดการใช้ แบนวิดท์ของเครือข่ายลงได้มาก เนื่องจากไม่มีปัญหาการ Broadcast หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Router ที่มาจากการใช้โปรโตคอลเลือกเส้นทางการเลือกเส้นทางแบบ Dynamic Routeการเลือกเส้นทางแบบ Dynamic นี้ เป็นการใช้ ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งมากับ Router เพื่อทำหน้าที่แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับการเลือกเส้นทางระหว่าง Router โดยที่เราเรียกว่า โปรโตคอลเลือกเส้นทาง (Routing Protocol) ข้อดีของการใช้ Routing Protocol ได้แก่ การที่ Router สามารถใช้ Routing Protocol นี้เพื่อการสร้างตารางเลือกเส้นทางจากสภาวะของเครือข่ายในขณะนั้นประโยชน์ของการใช้ Routing Protocol มีดังนี้- เหมาะสาหรับเครือข่ายขนาดใหญ่- Router สามารถจัดการหาเส้นทางเองหากมีการเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายเกิดขึ้นข้อแตกต่างระหว่าง Static Route กับ DynamicStatic Route- ไม่เพิ่มการทางานของ Router ในการ Update Routing Table ทาให้ Bandwidth ก็ไม่เพิ่มขึ้น- มีความปลอดภัยมากกว่า Dynamic Route เพราะ Dynamic Route เมื่อมีใครมาเชื่อมต่ออุปกรณ์ก็สามารถจะใช้งานได้เลย ไม่ตรงผ่านผู้ดูแลระบบ- Static Route จะใช้ในการสร้างเส้นทางสารองมากกว่าการสร้างเส้นทางหลักDynamic Route- ไม่ต้องทา Routing entry ทุก Subnet Address ที่ต้องการให้มองเห็น- สามารถตรวจสอบสถานะของ Link ได้ เช่น การ Down ลงไปของ Link

5. อธิบายการเลือกเส้นทางแบบ Link State และ Distance Vector Link-state Routing Protocol ลักษณะกลไกการทำงานแบบ Link-state routing protocol คือตัว Router จะ Broadcast ข้อมูลการเชื่อมต่อของเครือข่ายตนเองไปให้ Router อื่นๆทราบ ข้อมูลนี้เรียกว่า Link-state ซึ่งเกิดจากการคำนวณ Router ที่จะคำนวณค่าในการเชื่อมต่อโดยพิจารณา Router ของตนเองเป็นหลักในการสร้าง routing table ขึ้นมา ดังนั้นข้อมูล Link-state ที่ส่งออกไปในเครือข่ายของแต่ละ Router จะเป็นข้อมูลที่บอกว่า Router นั้นๆมีการเชื่อมต่ออยู่กับเครือข่ายใดอย่างไร และเส้นทางการส่งที่ดีที่สุดของตนเองเป็นอย่างไร โดยไม่สนใจ Router อื่น และกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงภายในเครือข่าย เช่น มีบางวงจรเชื่อมโยงล่มไปที่จะมีการส่งข้อมูลเฉพาะที่มีการเปลี่ยนแปลงไปให้ ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากตัวอย่างโปรโตคอลที่ใช้กลไกแบบ Link-state ได้แก่ โปรโตคอล OSPF (Open Shortest Path First) สำหรับ Interior routing protocol นี้บางแห่งก็เรียกว่า Intradomain routing protocolDistance-vector Routing Protocol ลักษณะที่สำคัญของการติดต่อแบบ Distance-vector คือ ในแต่ละ Router จะมีข้อมูล routing table เอาไว้พิจารณาเส้นทางการส่งข้อมูล โดยพิจารณาจากระยะทางที่ข้อมูลจะไปถึงปลายทางเป็นหลัก ดังรูปจากรูป Router A จะทราบว่าถ้าต้องการส่งข้อมูลข้ามเครือข่ายไปยังเครื่องที่อยู่ใน Network B แล้วนั้น ข้อมูลจะข้าม Router ไป 1 ครั้ง หรือเรียกว่า 1 hop ในขณะที่ส่งข้อมูลไปยังเครื่องใน Network C ข้อมูลจะต้องข้ามเครือข่ายผ่าน Router A ไปยัง Router B เสียก่อน ทำให้การเดินทางของข้อมูลผ่านเป็น 2 hop อย่างไรก็ตามที่ Router B จะมองเห็น Network B และ Network C อยู่ห่างออกไปโดยการส่งข้อมูล 1 hop และ Network A เป็น2 hop ดังนั้น Router A และ Router B จะมองเห็นภาพของเครือข่ายที่เชื่อมต่ออยู่แตกต่างกันเป็นตารางข้อมูล routing table ของตนเอง จากรูปการส่งข้อมูลตามลักษณะของ Distance-vector routing protocol จะเลือกหาเส้นทางที่ดีที่สุดและมีการคำนวณตาม routing algorithm เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมา ซึ่งมักจะเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดและมีจำนวน hop น้อยกว่า โดยอุปกรณ์ Router ที่เชื่อมต่อกันมักจะมีการปรับปรุงข้อมูลใน routing table อยู่เป็นระยะๆ ด้วยการ Broadcast ข้อมูลทั้งหมดใน routing table ไปในเครือข่ายตามระยะเวลาที่ตั้งเอาไว้ การใช้งานแบบ Distance-vector เหมาะกับเครือข่ายที่มีขนาดไม่ใหญ่มากและมีการเชื่อมต่อที่ไม่ซับซ้อนเกินไป ตัวอย่างโปรโตคอลที่ทำงานเป็นแบบ Distance-vector ได้แก่ โปรโตคอล RIP (Routing Information Protocol) และโปรโตคอล IGRP (Interior Gateway Routing Protocol) เป็นต้น 
6. อธิบายการทำงานของ Routing Information Protocol (RIP)routing information Protocol (RIP)เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางประเภท Distance Vector ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้กับเครือข่ายขนาด เล็กไปจนถึงขนาดกลาง เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางมาตรฐานที่ไม่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรายใด มี RIP Version 1 ที่ได้รับมาตรฐาน RFC 1058 เป็นโปรโตคอลที่เรียบง่าย อีกทั้งยังง่ายต่อการจัดตั้งคุณลักษณะการทำงานของ RIP- RIP อาศัย ค่าของจำนวน Hop เป็นหลัก เพื่อการเลือกเส้นทาง โดยจำกัดที่ไม่เกิน 15 Hop- RIP จะส่งข่าวสารเกี่ยวกับการปรับปรุงเส้นทางออกไปทุก 30 วินาที- การส่งข่าวสารเกี่ยวกับการปรับปรุงตารางเส้นทาง เป็นการส่งออกไปทั้งหมดของตารางทั้งที่เป็นของเก่าและของใหม่- การส่งข่าวสารเกี่ยวกับการปรับปรุงเส้นทาง จะเกิดขึ้นกับ Router ที่เชื่อมต่อกันโดยตรงเท่านั้น

7. อธิบายหลักการทำงานของ Open Shortest Path First (OSPE) ระบบ OSPF จะแบ่งเราเตอร์ออกเป็นเขตย่อยๆ หรือพื้นที่ย่อยๆ ที่มีความสำพันธ์กันหรือใช้โพรโตคอลที่ใช้ ในการติดต่อต่างกันและจะเลือกเราเตอร์ขึ้นมาอย่างน้อยหนึ่งตัวที่ใช้ติดต่อระหว่างแต่ละพื้นที่ เรียกว่า เราเตอร์ตัวแทนหรือเราเตอร์ชายแดนและจะมีพื้นที่พิเศษในระบบออโตโนมัสซึ่งทำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์กลางของระบบ เรียกว่า Backbone พื้นที่อื่นๆจะต้องมีจุดเชื่อมต่อเข้ากับ Backbone เสมอ และ backbone จะมีหมายเลขพื้นที่เท่ากับ 0 เสมอ การหาระยะทางของเราเตอร์จะส่งแพ็กเก็ตที่เรียกว่า Hello Packet ไปยังเราเตอร์อื่นๆแบบ Floding เมื่อเราเตอร์อื่นได้รับจะต้องตอบกลับแพ็กเก็ตทันทีและแต่ละเราเตอร์ก็จะสร้างตารางระยะทางไปยังเราเตอร์อื่นๆจากข้อมูลที่ได้รับ โดยใช้เราเตอร์ของตัวเองเป็นรากหรืออาจจะคำนวณระยะทางระหว่างเราเตอร์โดยมี ค่าน้ำหนัก ที่คำนวณได้มาจากระยะทาง เวลาการรอคอย และองค์ประกอบอื่นๆที่ต้องการ โดยการพิจารณาการรอคอยนั้นจะมีการส่งแพ็กเก็ตพิเศษ (Echo Packet) ที่กำหนดให้เราเตอร์ที่ได้รับต้องส่งนี้กลับทันทีทำให้ทราบเวลาการรอคอยที่แน่ชัด และคำนวณหาระยะทางที่สั้นที่สุด ในการติดต่อระหว่างพื้นที่อื่นๆจะมีตัวแทนจะเป็นตัวติดต่อและจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลาที่กำหนดไม่ว่าจะเป็นการติดต่อระหว่างพื้นที่หรือนอกพื้นที่
ส่วนประกอบภายในของ Router
CPU ทำหน้าที่ปฏิบัติตามชุดคำสั่งและควบคุมการโอนย้ายและประมวลผลของข้อมูลทั้งหมด
Random access memory (RAM) ทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่งและข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่กำลังทำงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าข้อมูลหรือการนำข้อมูลออก
ROM จะทำหน้าที่จัดเก็บการเริ่มต้นของโปรแกรมบูตสแตรปเตอร์, ซอฟแวร์ระบบปฏิบัติการและ power - on โปรแกรมการทดสอบวินิจฉัย
Non-volatile RAM (NVRAM) ทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูล แต่ NVRAM มักใช้เก็บค่า Config ใช้ในการเริ่มการทำงานของ Computer  เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ถูกปิดอย่างกระทันหันหรือไฟดับ ขณะทำการ Update อยู่
Flash memory คือ หน่วยความจำขนาดเล็กประเภท non-volatiole สามารถบันทึกข้อมูลลงไปได้โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ข้อมูลไม่มีการสูญหายเมื่อปิดสวิตซ์  มีส่วนที่ใช้บันทึกข้อมูล เรียกว่า solid state chips ใช้กระบวนการทางไฟฟ้าในการบันทึกข้อมูลและมีตัวควบคุมการอ่านและเขียนในตัวเอง
Interfaces เป็นหน้าตาของ config เพื่อช่วยในการตั้งค่าของ router

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น